หน้าเว็บ

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559

4G คือ อะไร แล้วใช้ 3Gต้องทำอย่างไรกับเบอร์ดี




          เอายังไงกับเบอร์ดี ปัจจุบันขณะสมาร์ทโฟนรวมทั้งแท็บเล็ตที่เราๆ ท่านๆใช้กันอยู่ เรียกได้ว่ากำลังจะก้าวจาก 3G ไปสู่ยุค 4G อย่างเต็มรูปแบบกันแล้ว ซึ่งบางคนอาจจะยังสงสัยว่า 3G คืออะไรแล้ว 4G คืออะไร สัญญานโทรศัพท์หรอ หรือเป็นระบบของซิมกาดร์ เบอร์ดีต้องใช้อะไรดี เราลองมาทำความรู้จักกับระบบของซิมการด์กันดีกว่า

          4G คือ คำย่อของระบบการสื่อสารไร้สาย รุ่นที่ 4 (Fourth Generation Wireless) เป็นการออกแบบและพัฒนามาจากระบบเดิมจากระบบอนาล็อกจนเป็นระบบ 4G ในปัจจุบัน แล้วระบบเดิมมีระบบใดบ้าง ลองมาทำความรู้จักกันหน่อย

                    1G คือระบบแบบอนาล็อกที่ใช้สัญญาณวิทยุในการส่งคลื่นเสียง โดยไม่รองรับการส่งผ่านข้อมูลใดๆทั้งสิ้นซึ่งนั่นก็หมายความว่าสามารถใช้งานทางด้าน Voice ได้อย่างเดียว คือโทรเข้า-ออกได้อย่างเดียว
                    2G คือระบบที่เปลี่ยนจากการส่งคลื่ันวิทยุแบบอนาล็อกมาเป็นการเข้ารหัสDigitalแทน เป็นการส่งคลื่นทางMicrowave ซึ่งในยุคนี้เองที่เราเริ่มใช้งานทางด้านDataได้นอกเหนือจากการใช้เสียงเพีบงอย่างเดียว ยุคนี้เราสามารถรับ-ส่ง ข้อมูลต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นจนมีการกำหนดเส้นทางการเชื่อมกับสถานีฐาน

                    2.5G เป็นยุคก้ำกึ่งระหว่าง 2G และ 3G ซึ่งก็คือ 2.5G ซึ่ง 2.5G นี้ เป็นยุคที่กำเนิดเทคโนโลยี GPRS (General Packet Radio Service) นั่นเอง เพื่อเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลให้มากกว่ายุค 2G ซึ่งตามหลักการ แล้ว เทคโนโลยี GPRS นี้สามารถส่งข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 115 Kbps เลยทีเดียว แต่เอาเข้าจริงๆ ความเร็วของ GPRS จะถูกจำกัดให้อยู่ที่ประมาณ 40 kbps เท่านั้น

                    2.75G ก่อนจะมาถึงยุค 3G เราก็ยังมี 2.75G ด้วยนะ ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการใช้เทคโนโลยี EDGE (Enhanced Data rates for Global Evolution)นั่นเอง EDGE นั้นถือเป็นเทคโนโลยีต่อยอดของ GPRS และถูก เรียกกันว่าเทคโนโลยียุค 2.75 G (อย่างไม่เป็นทางการ) ลักษณะการทำงานของ EDGE นั้นจะเป็นการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพความเร็วจากพื้นฐานของ GPRS ให้มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลได้สูงขึ้นแต่ว่า ยุค 2.75G

                    3G หรือ Third Generation ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3 จุดเด่นที่สุดของ 3G นั้น เป็นเรื่องของความเร็วในการเชื่อมต่อและการรับ-ส่งข้อมูลโดยเน้นการเชื่อมต่อแบบไร้สายด้วยความเร็วสูง ทำให้ ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลต่างๆ รวดเร็วมากขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการ Multimedia ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และ มีประสิทธิภาพแบบมากยิ่งขึ้น เช่น การรับ-ส่ง File ที่มีขนาดใหญ่ , การใช้บริการ Video/Call Conference , Download เพลง , ดู TV Streaming ต่างๆ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า

                    4G ( Forth Generation ) เทคโนโลยี 4G คือ เครือข่ายไร้สายความเร็วสูงชนิดพิเศษ หรือเป็นเส้นทางด่วนสำหรับข้อมูลที่ไม่ต้องอาศัยการลากสายเคเบิล โดยระบบเครือข่ายใหม่นี้ จะสามารถใช้งานได้ แบบไร้สาย รวมถึงคุณสมบัติการเชื่อมต่อเสมือนจริงในรูปแบบสามมิติ (three-dimensional) ระหว่างผู้ใช้โทรศัพท์ด้วยกันเอง นอกจากนั้น สถานีฐาน ซึ่งทำหน้าที่ในการส่งผ่านสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่จากเครื่องหนึ่ง ไปยังอีกเครื่องหนึ่ง และมีต้นทุนการติดตั้งที่แพงลิ่วในขณะนี้ จะมีให้เห็นกันอย่างแพร่หลายเช่นเดียวกับหลอดไฟฟ้าตามบ้านเลยทีเดียว สำหรับ 4G จะสามารถส่งผ่านข้อมูลแบบไร้สายด้วยระดับความเร็วสูงที่เพิ่มขึ้นถึง 100 เมกะไบต์ต่อวินาที ซึ่งห่างจากความเร็วของชุดอุปกรณ์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ที่ระดับ 10 กิโลบิตต่อวินาที และนี่คือการพัฒนาของระบบการรับส่งสัญญานของโทรศัพท์มือถือ

          การมีสัญญานที่ดีแล้ว การที่มีเบอร์ดี ๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เรียกได้ว่าทั้งด้านเทคโนโลยี และทางด้านศาสตร์ตัวเลข เพื่อทำให้ชีวิตมีความสมดุลเพื่อความสำเร็จในชีวิต สำหรับใครที่ใช้ 3G อยู่การเลือกใช้งานระบบ 4G ถือว่าเป็นการดี เพราะนอกจากมีเบอร์ดีแล้ว ก็ควรที่จะมีระบบโทรศัพท์ที่ดี เพื่อชีวิตที่ดีด้วย

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เบอร์ดี เลข ดี ส่งผลดีอย่างไร





          เบอร์ดี เลข ดี เบอร์สวย เครือข่ายดี มีชัยไปกว่าครึ่งนั่นคือเรื่องจริงในปัจจุบัน เพราะการสื่อสารนั้นรวดเร็วทันใจ ง่ายดายไม่ว่าจะเป็นการรับส่งข้อมูล พูดคุย หรือกิจกรรมการสื่อสารต่างๆ และแทบเรียกได้ว่าการใช้โทรศัพท์มือถือนั้นเป็นกิจวัตรหลักของมนุษย์ในปัจจุบันไปก็ว่าได้ เพราะด้วยเหตุนั้นเบอร์โทรศัพท์ก็เปรียบเสมือนประดุจดั่งว่าเป็นชื่อหรือตัวตนของเจ้าของโทรศัพท์นั้นๆ ด้วย

          เบอร์ดี ก็เปรียบเสมือนการมีชื่อที่ดี การมีเลข ดี เบอร์สวย ก็เหมือนมีชื่อที่ไพเราะ ทำให้คนจดจำเราได้ เบอร์โทรศัพท์นั้นมีเพียงเบอร์เดียวในโลกเท่านั้น ก็เหมือนดุจดังว่าคุณเองก็มีคนเดียวในโลกเช่นกัน แม้ว่าฝาแฝดจะมีหน้าตาคล้ายกัน เกิดวันเดียวกัน แต่เวลาตกฟากนาทีก็ยังต่างกัน เวลาคู่คี่ลิขิตชีวิตย่อมต่างกัน จึงไม่ผิดที่จะบอกว่าคุณเป็นคนเดียวในโลกไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน เพราะด้วยเหตุนั้นแล้วเบอร์โทรศัพท์ก็จึงเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดชะตาชีวิตของเราด้วย การที่เรามีชื่อดี ไพเราะ จดจำได้ง่าย ชื่อเป็นมงคล ก็จะชักนำให้สิ่งดีๆ เข้ามาหา กระทำการใดก็ย่อมเกิดผลดีไปด้วย เบอร์โทรศัพท์ก็เช่นกัน หากว่าเรามีเบอร์ดี เลข ดี ก็จะชักนำชะตาชีวิตไปในทางที่ดี การหาเบอร์ดีก็สามารถวิเคราะห์ตามเลขศาสตร์ คำนวนเลขรวม ให้ได้ผลสอดคล้องกับวันเกิด และอาชีพของเรา เช่น สำหรับคนที่ ขายของออนไลน์ ควรจะได้ผลรวมเลขออกมา 22 , 24 , 66 จะทำให้ค้าขายคล่อง ทำยอดขายได้เร็ว จะมีลูกค้าเข้าหาบ่อย เป็นต้น

          การที่เรามี เบอร์ดี เลข ดี นั้น ก็นับได้ว่ามีสิ่งที่ดีต่อตนเอง เปรียบเสมือนมีชื่อที่เป็นมงคลต่อตัวเอง นอกจากการที่มีชื่อดีแล้วจะต้องประกอบด้วยประพฤติดี อยู่ในสถานที่ที่ดี อยู่กับคนดี พูดดี ทำดี ประกอบกันจึงจะส่งผลดีต่อชีวิตทั้งปัจจุบันและภายภาคหน้าสืบต่อไปด้วย

วิเคราะห์เบอร์โทร ตามวันเกิด เบอร์ไหนไม่ควรมี





          หากจะวิเคราะห์เบอร์โทรหาซิมเบอร์ดี คงอยากรู้ซิมเบอร์ดีคืออะไร ซิมเบอร์ดี คือ ซิมที่มีหมายเลขเป็นมงคล เหมาะสมแก่ผู้ใช้งาน ส่งผลให้เจ้าของซิมประสบผลด้านที่ดี บางครั้งเราพบเห็นเบอร์สวย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเบอร์มงคล เพราะบางครั้งเบอร์สวยนั้นก็ไม่ส่งผลเป็นมงคล และในบางครั้งเบอร์มงคลนั้นไม่ได้เป็นเบอร์ที่สวย หรือมีเบอร์เรียงกัน หรือมีเลขคู่ ที่ติดกันมากๆ คนเราแต่ละคนนั้นก็มีอาชีพที่ไม่เหมือนกัน มีพื้นฐานไม่เหมือนกัน ความต้องการแต่ละคนก็แตกกต่างกันเช่นกัน การจัดเบอร์มงคลนั้นก็แตกต่างกันเช่นกัน

          การวิเคราะห์เบอร์โทรเลือกหา ซิมเบอร์ดีนั้น ในบางครั้งเบอร์ที่เราต้องการอาจจะสวยตรงใจ แต่ถ้าหากติดเบอร์ที่ไม่เป็นเบอร์มงคล ก็อาจจะสร้างปัญหาตามมาในภายหลัง แล้วจะรู้ได้อย่างไร เบอร์ไหน ที่ไม่ควรมีในเบอร์ของเราหล่ะ ก็เพียงแค่ง่ายๆ ลองตรวจดูตามวันเกิดของเราดังนี้
คนที่เกิดวันอาทิตย์นั้น ควรที่จะเลียงเบอร์ที่มีเลข 6
วันจันทร์ควรเลี่ยงเลข 1
วันอังคารควรเลี่ยงเลข 2
วันพุธกลางวันควรเลี่ยงเลข 3
ส่วนวันพุธกลางคืนควรเลี่ยงเลข 5
วันพฤหัสบดีควรเลี่ยงเลข 7
วันศุกร์ควรเลี่ยงเลข 8
และสุดท้ายวันเสาร์ควรเลี่ยงเลข 4
เมื่อเราสามารถหลีกเลี่ยงตัวเลขที่ส่งผลไม่ดีกับเราจะทำให้ดวงจะตาของเราดีขึ้น

          จะอย่างไรก็ตาม ซิมเบอร์ดี บางหมายเลขหรือบางเบอร์อาจส่งผลดีกับท่าน ไม่ใช่เฉพาะดวงวันเกิด เราควรดูผลรวมของตัวเลขซิมด้วยว่า ซิมเบอร์สวย นั้นส่งผลรวมเป็นอย่างไร วิเคราะห์เบอร์โทรผลรวมเป็น ซิมเบอร์ดีหรือไม่

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559

วิธีคํานวณเบอร์โทรศัพท์ เบอร์ไหนถึงเป็น เบอร์ดี



          “ วิธีคํานวณเบอร์โทรศัพท์ เบอร์ไหนถึงเป็น เบอร์ดี ” โอ้โหคำถามนี้หลายคนคงสงสัย แล้วเบอร์ที่เราใช้อยู่เป็น เบอร์ดี หรือเปล่า แล้ววิธีคำนวนต้องคำนวนแบบไหน บวก ลบ คูณ หาร กันอย่างไร ผลลัพท์ต้องเป็นเท่าไหร่ถึงออกมาเป็น เบอร์ดี แล้วคำว่าเบอร์ดีหล่ะ หมายความว่าอย่างไร เบอร์ดี หมายถึง เบอร์ที่นำมาใช้แล้วไม่เกิดผลเสียตามหลัง เป็นเบอร์หนุนนำดวง หนุนนำวาสนาชะตาชีวิต ให้พบกับสิ่งดีๆ พาร่ำรวย พูดง่ายขายคล่อง นำพาชีวิตไปในทางที่ดีเสมอ

          ตำราเลขศาสตร์บางแขนงเปรียบตัวเลขเสมือนดวงดาว ที่มีผลต่อการกำหนดชะตาชีวิตของแต่ละบุคคล ซึ่งตัวเลขนั้นๆ บอกได้หลายสาเหตุของสิ่งที่เราพบประสบมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน การดำรงชีวิต การศึกษา วาสนา ความรัก สุขภาพร่างกาย รวมถึงสุขภาพทางด้านการเงินด้วย เอาหล่ะ มาดูกัน วิธีคํานวณเบอร์โทรศัพท์ เบอร์ไหนถึงเป็น เบอร์ดี ทำได้ง่ายเพียง เอาหมายเลขโทรศัพท์ของเรามาบวกรวมกัน เช่น 0852337274 ยกมาบวกกัน 0+8+5+2+3+3+7+2+7+4 = 41 แล้วนำผลลัพท์มาเปรียบเทียบดังนี้

เบอร์ดี จะมีผลลัพท์เท่ากับ 9, 14, 15, 19, 23, 24, 32, 36, 40, 41, 42, 44, 45, 46, 50, 51, 54, 55, 56, 59, 60, 63, 64, 65
เบอร์เสีย จะมีผลลัพ์เท่ากับ 8, 10, 11, 12, 13, 16, 17, 18, 20, 21, 22, 25, 26, 27, 28, 29, 30, 31, 33, 34, 35, 37, 38, 39, 43, 47, 49, 52, 53, 57, 58, 61, 62, 66, 67, 68, 69, 70, 71, 72, 73, 74, 75, 76, 77, 78, 79, 80, 81, 82, 83, 84, 85, 86, 87, 88, 89, 92, 93, 94, 96, 97, 98

          อย่างไรก็ตาม วิธีคํานวณเบอร์โทรศัพท์ ว่าเบอร์ไหนถึงเป็น เบอร์ดี เป็นแขนงหนึ่งในการคำนวนเพื่อช่วยในการตัดสินใจในการเลือกใช้เบอร์โทรศัพท์ หรือเบอร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชิวิตประจำวันเท่านั้น แต่หากเราคิดดี ทำดี พูดดี เบอร์ทุกเบอร์ก็อาจจะเป็น เบอร์ดี ก็เป็นได้